บาร์เซโลน่า กับการทำเสื้อแบรนด์ตัวเองแทนที่ไนกี้

ความเป็นพันธมิตรกันระหว่าง บาร์เซโลน่า กับ ไนกี้ ผู้ผลิตชุดแข่งกีฬาชื่อดังสัญชาติอเมริกัน ถือเป็นหนึ่งในความสัมพันธ์ที่ยาวนานที่สุดในโลกฟุตบอล หลังจากที่ทั้งคู่จับมือกันมาตั้งแต่ปี 1998 สมัยที่มนุษย์โลกยังไม่เริ่มกังวลเรื่อง Y2K กันเลยด้วยซ้ำ

 

นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ไนกี้ ก็ผลิตชุดแข่งให้กับทีมดังแคว้นกาตาโลเนียเสมอมา และดูเหมือนว่ามันจะเป็นเช่นนี้ไปเรื่อยๆ แบบไม่มีจุดสิ้นสุด เพราะการเจรจาต่อสัญญาแต่ละครั้งก็เป็นไปอย่างราบรื่น กระทั่งมาถึงครั้งล่าสุด

 

ข้อเรียกร้องจาก บาร์เซโลน่า เริ่มไม่ค่อยโอเคสักเท่าไหร่เมื่อมองจากมุมของ ไนกี้ นั่นทำให้การเจรจาเป็นไปอย่างยากลำบาก และถึงแม้ว่าผู้ผลิตชุดแข่งจากสหรัฐฯ จะได้ออกแบบเสื้อผ้าสำหรับฤดูกาลหน้าเอาไว้แล้ว แต่บางทีนั่นก็อาจจะไม่ได้ถูกผลิตออกมาจริง เพราะมีโอกาสสูงที่ บาร์ซ่า จะเปลี่ยนไปใช้ผู้ผลิตเจ้าอื่นแทน

 

ตามข่าวทีแรกแว่วมาว่าจะเป็นแบรนด์ดังอีกแบรนด์อย่าง พูม่า แต่แล้วก็กลายเป็นว่าเริ่มมีกระแสข่าวออกมาใหม่ นั่นก็คือ บาร์เซโลน่า อาจจะทำชุดแข่งเองเสียเลยแบบไม่ต้องผ่านแบรนด์เสื้อผ้ากีฬาใดๆ

 

นั่นคือความท้าทายอย่างยิ่ง เพราะต่อให้แบรนด์ บาร์เซโลน่า จะขายได้ทั่วโลก แต่การหันมาจับตลาดนี้อย่างเต็มรูปแบบก็ถือว่าเป็นสิ่งที่พวกเขาไม่คุ้นเคยมาก่อน ก่อนหน้านี้อย่างเก่งก็แค่ทำเสื้อผ้าแฟชั่นที่เน้นขายให้แฟนบอลใส่ในวันสบายๆ เท่านั้น

 

คราวนี้พวกเขาต้องทำเสื้อผ้าที่นักเตะจะใส่ลงไปทำการแข่งขันในสนามด้วย นั่นคือเรื่องใหญ่

 

แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ เพราะดูอย่างในบ้านเรา นั่นคือโมเดลที่ทีมยักษ์ใหญ่อย่าง บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ทำมาแล้ว และประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากด้วย ต้องยกเครดิตให้กับพวกเขาที่จับช่องทางทำตลาดได้ดี และยังคงเป็นเช่นนั้นมาจนถึงปัจจุบัน

 

ทีมปราสาทสายฟ้าเน้นทำการตลาดแบบเข้าถึงคนหมู่มาก ด้วยการผลิตเสื้อผ้ากีฬาที่มีเนื้อผ้าระดับเดียวกับแบรนด์ดังๆ จำหน่ายในราคาที่เข้าถึงได้สำหรับคนส่วนใหญ่ นอกจากนี้ก็ยังเน้นดีไซน์ที่สามารถนำเอาไปใส่ในชีวิตประจำวันได้หลายโอกาสด้วย ไม่จำกัดเฉพาะการใส่ไปเชียร์ทีมโปรดในวันแข่งเท่านั้น นี่จึงเป็นสิ่งที่ บาร์ซ่า จำเป็นจะต้องทำให้ได้เช่นกัน

 

โจทย์นี้จะว่ายากก็ยาก แต่บางทีมันก็อาจจะไม่ได้ยากเกินไปสำหรับสโมสรระดับโลกอย่าง บาร์เซโลน่า ยังไงก็ต้องมารอดูกันว่าพวกเขาจะทำออกมาได้ดีขนาดไหน หากสุดท้ายแล้วจะตัดสินใจทำแบรนด์ตัวเองออกมาจริงๆ ถึงงวันนั้นเดี๋ยวก็จะได้รู้กัน